วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การบรรยายเรื่อง "Online Business with Google"

       การประยุกต์ระบบออนไลน์มาใช้กับภาคธุรกิจเพื่อเปิดช่องทางการติดต่อซื้อขายสินค้า ด้วยการนำZMOT มาใช้เป็นส่วนเสริมในกระบวนการซื้อขายสินค้า ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพื่อดูดความสนใจ

 ผู้ดำเนินธุรกิจต้องประยุกต์มาใช้ดิจิตอล 3.0 ที่สามารถค้นเจอบนหน้าของการค้นหาของ Google ได้ โดยที่เครื่องมือที่เข้ามาช่วยเหลือในการทำการตลาดออนไลน์จาก Google ดังนี้
         1.Get your business online การมีตัวตนบนโลกออนไลน์ คือการค้นจาก Google แล้วเจอ มีผลของการค้นหาที่เป็นหน้าเว็บไซต์ของเรา
         2.Be found –when customer is reading คือการถูกค้นหา การถูกค้นหา มี 2 ส่วน ที่ทำให้เราตัดสินใจได้ว่ามีตัวตน และผู้บริโภคจะพบเรา คือ Google adwords และ natural result(ผลเสิร์ซโดยปกติ)
         3.Be reached Show where you are คือ การปรากฏตัวบนแผนที่ ซึ่งแผนที่นี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเดี๋ยวนี้ผู้บริโภคจะค้นหาสถานที่ต่างๆ จากแผนที่ออนไลน์  แผนที่ออนไลน์เดี๋ยวนี้มี Google map street view ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นสถานที่เสมือนจริงได้เลย
        4.Get closer to your customer ต้องอาศัย Social media ซึ่งอาจจะเป็น Google + ของ Google ก็ได้ ซึ่งตอนนี้ Google+ มีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมาที่น่าสนใจคือ Google+ Hangouts ที่จะทำให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคสนทนากันแบบวีดีโอ สามารถดึงไฟล์เอกสารพร้อมกันได้ ดูคลิปพร้อมกันได้
        5.Increase your performance การวัดผลการทำการตลาด โดย Google ที่ชื่อว่า analytics.google.com ว่ามีผู้ใช้เว็บไซต์ของคุณอย่างไร เป็นต้น
        6.Engage your customers : anywhere-anytime คือการค้นหาสินค้าและบริการทุกที่ ทุกเวลา จากสมาร์ทโฟน
        7.Go Global (AEC) การเข้าถึงได้ทั่วโลก ทำให้เราสามารถขายสินค้าได้ทั่วโลก โดยใช้ Google translate ช่วยในการแปลภาษาให้สามารถเข้าใจและสื่อสารกันได้ในระดับหนึ่ง

คำศัพท์

1.  AEC หมายถึง ย่อมาจาก ASEAN  Economic  Community หรือประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน เป็นเป้าหมายสำหรับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของสมาคมประชาชาติ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
2.  so lo mo หมายถึง so ย่อมาจาก Social เป็นสังคมออนไลน์, Lo ย่อมาจากคำว่า Location แปลว่า สถานที่ สถานที่ในที่นี้หมายถึงอะไร หมายถึง Google Map ,Mo ย่อมาจากคำว่า Mobile ในที่นี้ไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือธรรมดา แต่เป็น SmartPhone
3.  Online   Marketing คือการตลาดทีมีกิจกรรมบนไซเบอร์หรือระบบอินเตอร์เนตทั้งหมดนั่นเองไม่ว่าจะเป็นการซื้อการขาย การโฆษณาหรือการวางแผนการตลาดผ่านทางอินเตอร์เนต ซึงปัจจุบันจะมีความสำคัญมากและสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากทีเดียSearching คือการค้นหาข้อมูล ซึ่งผลลัพธ์จะต้องบอกได้ว่าค้นหาเจอหรือค้นหาไม่เจอ และในกรณีที่ค้นหาเจอจะต้องบอกได้ว่าค้นหาเจอที่ตำาแหน่งใด
4.  VDO Conference คือ การประชุมกันโดยมองเห็นกันด้วยวิธีการทางเทคโนโลยีการสื่อสาร โดยไม่ต้องมาพบกันจริงๆ โดยการประชุมกันนั้นอาจเป็นรูปแบบ การประชุมกันของกลุ่มบุคคลในสถานที่ต่างๆ โดยใช้อุปกรณ์ด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วย ทำให้ไม่ต้องเดินทาง ไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ หลายอย่าง
5.  Google Hangout ใน Google+ ก็เป็นจุดเด่นของระบบใน Google+ เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถประชุมหรือคุยกับเพื่อนพร้อมๆกันได้ถึง 10 ในเวลาเดียวกัน นั้นก็หมายความว่าเราจะประชุมหรือนัดหมายวางแผนงานกันได้


6.    Digital Marketing คือ การตลาดแบบดิจิตอล อาจเป็นสื่อ หรือเว็บไซต์ นำมาประยุกต์ใช้ทางการตลาด
7.    URL หมายถึง Uniform Resource Locator หมายถึง ตัวบ่งบอกข้อมูล หรือ ที่อยู่ (Address) ของไฟล์หรือเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต
8.    First Moment of Truth คือ เมื่อเข้าไปในสโตร์ แล้วสามารถเห็นสินค้าทันที
9.  Second Moment of Truth คือ การที่เราใช้สินค้า แล้วรู้สึกว่าสินค้านี้ตอบโจทย์ ตอบความคาดหวังต่างๆ
10. Social Networkหมายถึง ที่ให้บริการบนโลกออนไลน์  ปัจจุบัน การสื่อสารแบบนี้ จะทำผ่านทางInternet และโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
11. Stimulus หมายถึง สัญญาณหรือการเปลี่ยนแปลงซึ่งมีผลต่อกิจกรรมของสิ่งมีชีวิต
12. Information Age หมายถึง  เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น โดยเฉพาะด้านธุรกิจ
13. Online Marketing หมายถึง การตลาดที่มีการนำเอาอินเตอร์เน็ตเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เรียกว่า การทำการตลาดแบบออนไลน์
14. Search Engine Marketing (SEM) หมายถึง อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งรวมข้อมูล และความรู้ขนาดใหญ่ที่สุด และกำลังได้รับความนิยมมากในการใช้งานปัจจุบัน และเนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่มากมายมหาศาลในอินเตอร์เน็ตนั้น ทำให้บางครั้งผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้
15. Ave. Time on Site หมายถึง เวลาเฉลี่ยที่อยู่บนเว็บไซต์ของเรา
16. Bounce Rate หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของคนเข้าเว็บ และออกไปเลย ยิ่งเปอร์เซ็นต์สูง ยิ่งไม่ดี
17. Google Analytics หมายถึง ตัวเก็บสถิติเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ พฤติกรรมของคนที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซด์ รวมทั้งติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการโฆษณา
18. Content คือ เนื้อหาภายในเว็บไซต์
19. Pagerank (PR) หมายถึง ค่าที่ทาง Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของเรา ซึ่งมีตั้งแต่ระดับ 1-10 ยิ่งมีค่ามากยิ่งแสดงว่า Google ให้ความสำคัญมาก ค่านี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพของเว็บ และคุณภาพของ Link ที่เข้ามาหาเว็บ
20. Traffic หมายถึง ปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ที่ทำ SEO ก็เพื่อเพิ่มตรงนี้ละ

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0


Media แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
Owned media เป็นสื่อเว็บไซต์ที่เราเป็นเจ้าของเอง
Paid media สื่อที่เราต้องจ่ายเงินซื้อประเภท Branner, Sponser ship
Earned Media ลูกค้าเป็นเจ้าของ โดยมีการพูดถึงธุรกิจกับลูกค้าด้วยกัน
Social Media  เจ้าของธุรกิจเป็นผู้ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง เสนอข้อดีของธุรกิจให้กับผู้บริโภค
ถ้าพูดถึงเรื่องของ Social  Media นั้น เป็นเรื่องของปากต่อปาก โดยผ่านสื่อต่างๆ อาทิเช่น Facebook Twitter เป็นต้น เพื่อเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายไปเรื่อยๆ เนื่องจากผู้บริโภคมีการเปลี่ยนไปมาก คือ
1.คิดว่าทุกคนเป็นอิสระต่อกัน
2.ผู้บริโภคนั้นประเภท มีบทบาทในการเสนอแนะสินค้าเหล่านั้น ผ่านเครือข่ายในฐานะ Publisher
3.การสนทนาโต้ตอบกันในเครือข่าย  ระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบการ
4.มีความโปร่งใส จริงใจ ให้กันในยุคสมัยที่มีการเข้าถึงกันง่าย การนำข้อมูลของผู้อื่นไปใช้ ทั้งภาพ เสียง สมควรที่จะมีการอ้างถึง หรือทำ Credit
5.การสร้างความร่วมมือกับผู้บริโภค ในการทำงานด้านต่างๆ
6.การหาข้อมูลต่างๆผ่านเทคโนโลยี ด้วยผ่านผู้บริโภคที่เคยใช้มาก่อนแล้ว
ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่า ผู้บริโภคนั้นมีบทบาทกับ Social Media เป็นอย่างมาก  เพราะผู้บริโภคนั้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของธุกิจ
การสร้างแบรนด์
1.ควรสร้างมาแล้วต้องให้ผู้บริโภคมีความรู้จัก
2.เริ่มให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการ
3.ให้ผู้บริโภคมาลองใช้ให้ได้ 
4.เมื่อใช้แล้วต้องมีความชอบในสินค้า
5.แล้วมีการบอกต่อกันไปเรื่อยๆ
สรุปแล้ว คือ ต้องมีการติดต่อกับลูกค้า,มีการให้ข้อมูลลูกค้า,มีการเอ็นเตอร์เท็นลูกค้า,และมีการแบ่งปันกันไปเรื่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงของการตลาด
1.การแลกเปลี่ยน ซื้อมาขายไป แบบมีสถานที่ จับต้องสินค้าได้
2.เป็นการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์การลูกค้าในระยะยาว
3.คือการร่วมกันทำการตลาด โดยลูกค้ามีส่วนร่วมในการทำงานต่างๆ

คำศัพท์ที่น่ารู้
  1. Social network     คือสังคมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารผ่านทางระบบเครือข่าย มีทั้งแบบออนไลน์และอนาล็อก
  2. Owned media    คือเป็นสื่อเว็บไซต์ที่เราเป็นเจ้าของเอง
  3. Paid media    คือสื่อที่เราต้องจ่ายเงินซื้อประเภท Branner, Sponser ship
  4. Earned Media   คือลูกค้าเป็นเจ้าของ โดยมีการพูดถึงธุรกิจกับลูกค้าด้วยกัน
  5. Social Media   คือเจ้าของธุรกิจเป็นผู้ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง เสนอข้อดีของธุรกิจให้กับผู้บริโภค
  6. Change of costomer   คือการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค
  7. Reviewer   คือนักวิจารณ์สะท้อนกลับถึงข้อมูลสินค้าและบริการให้กับธุรกิจ
  8. Credit    คือการอ้างถึงเจ้าของ ภาพ เสียง หรือ ข้อมูล ต่างๆ
  9. Publisher   คือการกระจายข่าวด้วย Social ได้ง่ายอย่างรวดเร็วและในวงกว้าง
  10. Alway on & Control   คือผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ออนไลน์ตลอดเวลา และอำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้บริโภค
  11. Buzz marketing คือ กลยุทธ์ในการสร้างสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จัและเกิดความต้องการในลักษณะของ การบอกต่อแบบปากต่อปาก ซึ่งเป็นกลยุทธ์การสื่อสารที่มีพลังขับเคลื่อนสูงมากต่อการสร้างความเชื่อถือและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อ 
  12. Viral manageting คือ เป็นรูปแบบทางการตลาด โดยลักษณะการกระจายข่าวสาร การทำตลาดแบบปากต่อปาก โดยใช้ สื่ออินเตอร์เน็ต หรือระบบเครือข่ายอื่นๆ เพื่อเอื้อให้การตลาดให้กระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว 
  13.  Content curater คือ การเขียน รวบรวม และแบ่งปันบทความของบริษัทสู่ลูกค้าทางช่องทางการสื่อสาร จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณมีความรู้, ชอบแบ่งปัน และยังช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อบริษัทมากขึ้น
  14. share คือ การแบ่งปัน การบอกต่อ กันไปเรื่อยๆ
  15. Brand คือ ชื่อ ตรา ภาพลักษณ์ ของสินค้า หรือบริการของผู้ประกอบการ
  16. Awarneness คือ การทำให้ผู้บริโภครู้จักกับแบรนด์ของผู้ประกอบการ
  17. Relatioship Marketing คือการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของผู้บริโภค
  18. Involvement คือ การมีส่วนร่วมกันในการประกอบธุรกิจ
  19. Commitment คือ การตอบกลับหลังจากการได้ทดลองให้ตัวสินค้าแล้ว
  20. Change of marketing คือ  การเปลี่ยนแปลงของการตลาด

สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร


สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร


1. การนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ หลายเว็บไซต์ยังขาดทักษะเรื่องของภาษา การนำเสนอขายสินค้า
บางครั้งแค่ใส่ขนาดกับราคาเพียงเท่านั้น ขาดรายละเอียดทั้งในเรื่องของวัสดุ การใช้งาน และข้อมูลต่างๆ

2. ขาดบุคคลากรที่มีความรู้ ในการนำเสนอข้อมูลที่ขาดรายละเอียดบางครั้งมีลูกค้าอีเมล์มาสอบถามเพิ่มเติม แต่บางเว็บไซต์ไม่ได้ตั้งบุคคลากรเพื่อดูแลปัญหา ขาดความรู้ในการเข้าถึงเทคโนโลยี

3. ขาดการวางแผนตลาดรองรับ  ขาดการวางแผน เห็นธุรกิจอื่นมีเว็บ ก็แค่อยากมีกับเขาบ้าง

4. ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง มีหลายเว็บที่เปิดขึ้นมาแล้ว ขาดการดูแล 

5. การออกแบบ การออกแบบเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ควรออกแบบให้ผู้ใช้ เข้าใจได้ง่าย โดยไม่ต้องมีคู่มือประกอบ สามารถค้นหาสินค้าได้สะดวก และชำระเงินได้โดยง่าย บางเว็บไซต์ ผู้ซื้อต้องกรอกข้อมูลมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย และรู้สึกว่าใช้งานลำบาก


ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ น.ศ.คิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจจัยใดบ้าง

  • การเลือกสินค้าที่จะนำมาขาย ควรจะเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการอยู่แล้ว ในเว็บไซต์ของคุณควรจะมีสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกเพื่อเป็นตัวช่วยตัดสินใจ
  • การตลาด ควรมีการวางแผนการตลาดที่ดี เลือกช่องทางที่เหมาะสมกับคุณในการทำการตลาด จะใช้ SEO, SEM, Banner ก็อยู่ที่กลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ ควรมีการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาดก่อน สำรวจราคาสินค้าในตลาดว่ามีราคาเท่าไร คุณจะขายเท่าไร และคุณจะมีกำไรเหลือเท่าไร
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ ควรมีการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ โดย แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้สะดวก 
  • การขนส่งสินค้า ควรชี้แจ้งเรื่องค่าขนส่งที่จะเกิดขึ้นในการซื้อสินค้าของลูกค้าให้ชัดเจน มีทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการสินค้าด่วน หรือต้องการให้สินค้ามีการลงทะเบียน 
  • การบริการหลังการขาย สอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการสั่งซื้อสินค้า รับสินค้า หรือการทำเว็บไซต์ กับลูกค้าเพื่อหาแนวทางปรับปรุงแก้ไข ส่งคำขอบคุณและคำเชิญให้ลูกค้ามาใช้บริการอีกครั้งเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ผ่าน E-mail, SMS, จดหมาย เป็นต้น
  • ช่องทางการชำระเงิน อธิบายถึงวิธีการชำระเงิน ช่องทางการชำระเงิน อย่างละเอียดภายในเว็บไซต์ รวมไปถึงค่าธรรมเนียมที่ลูกค้าอาจจะเสีย (หากมี) และความปลอดภัยในการชำระเงินภายในเว็บไซต์ของคุณ








So Lo Mo หรือเรียกชื่อเต็มว่า Social Media Location Mobile คือการประยุกต์ใช้ระบบการเชื่อมต่อสื่อสารไร้สายเคลื่อนที่แบ่งปัน ความคิดเห็น ข้อมูล ในเรื่องของสินค้าและบริการผ่านทางระบบสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการระหว่างกันในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ โดยผ่านทางระบบการสื่อสารเคลื่อนที่ เช่น SMARTPHONE , IPHONE , TABLET
 

So ย่อมาจากคำว่า Social สังคมออนไลน์ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมก็คือ FACEBOOK , TWITTER
 

Lo ย่อมาจากคำว่า Location สถานที่ ในที่นี้คือ GOOGLE MAP ซึ่งหลายเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ บริษัท หรือเว็บไซต์ส่วนตัวได้มีการใช้งาน GOOGLE MAP เข้ามาบอกสถานที่ตั้งต่างๆ โดยการใช้หมุดปักบอกตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อให้ผู้บริโภคนั้นรู้ตำแหน่งสถานที่ตั้งอันเป็นประโยชน์ทางธุรกิจและข้อมูลแก่ผู้บริโภคที่สนใจ
 

Mo ย่อมาจากคำว่า Mobile SmartPhone , iPhone , Tablet ต่าง ๆ ที่ได้ถูกพัฒนา Application บนมือถือเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดออนไลน์ในอนาคต





                                               ZMOT   Zero Moment of Truth
                ก่อนที่จะทำความเข้าใจกับ ZMOT เราควรเข้าใจกับคำว่า FMOT หรือ First Moment of Truth เสียก่อน FMOT ความหมายของมันคือ เป็นชั่วขณะที่ผู้ซื้อมีปฏิสัมพันธ์กับหน้าร้านและเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อ หน้าร้านก็เปรียบเสมือน แบรนด์บริษัท โลโก้
ส่วน ZMOT ความหมายก็คือ เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว และมีประสบการณ์ในการใช้งานสินค้า แล้วกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นอาจจะมาเขียนรีวิวแบ่งปันข้อมูลกันบนเว็บไซต์ แชร์ประสบการณ์การใช้บริการว่าดีหรือไม่ดี ถ้าเป็นสินค้าก็อาจแชร์ถึงราคา คุณภาพต่างๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาเลือกซื้อสินค้า บริการในครั้งต่อๆไป
ลูกค้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ก่อนหน้าที่จะไปถึงร้านค้าจริง อย่างการ เริ่มค้นหาข้อมูลสินค้าที่ตัวเองสนใจ เช่น การดูรีวิว, เรตติ้ง จากเว็บไซต์ และ Social Media ต่างๆ ดูวิดีโอคลิปจาก YouTube หรือแม้กระทั่งการสแกน Barcode จากโทรศัพท์แล้วเปิดอ่านรีวิวกันตรงๆ  แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิด ZMOT คือ การเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือที่ใช้เชื่อมต่ออย่างสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่
ZMOT เป็นสิ่งที่นักการตลาดที่ดูแลแม้แต่สินค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับออนไลน์โดยตรงก็ควรต้องเริ่มหันมาให้ความสนใจเพราะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าจะเจาะกลุ่ม ZMOT จะมีอิทธิพลต่อคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก